Home brandmazda มาสด้าบุกตลาดเอสยูวีเปิดตัว CX-5 ครอสโอเวอร์ใหม่ อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีสกายแอคทีฟล้นคัน

มาสด้าบุกตลาดเอสยูวีเปิดตัว CX-5 ครอสโอเวอร์ใหม่ อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีสกายแอคทีฟล้นคัน

by wa wa ztv
485 views

มาสด้าปลุกกระแสตลาดรถอเนกประสงค์เอสยูวี พร้อมเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจไทยไตรมาสสุดท้ายของปีให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง เตรียมแผนเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่เสริมทัพตลอด 3 เดือน เริ่มต้นด้วยการเปิดตัวแนะนำ NEW MAZDA CX-5 กับแนวคิดใหม่ “พลังความสุข ที่เร้าใจทุกเส้นทาง” ประกาศชัดพร้อมผงาดขึ้นเป็นผู้นำตลาดรถอเนกประสงค์เอสยูวี ด้วยเทคโนโลยีที่ใส่มาให้จนล้นคันตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น ผนวกกับดีไซน์ที่เรียบหรูสง่างามทุกมุมมอง ส่งมอบพลังแห่งความสุขที่เร้าใจไปทุกเส้นทาง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์วิถีชีวิตกับครอบครัว มีให้เลือกถึง 3 เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 คุ้มค่ามากที่สุด เครื่องยนต์เบนซิน 2.5 เทอร์โบ ทรงพลังแรงมากที่สุด และเครื่องยนต์คลีนดีเซล 2.2 แรงและประหยัดน้ำมันมากที่สุด เติมเต็มความคุ้มค่ามากกว่าเดิมด้วยการปรับราคาจำหน่ายใหม่เพียง 1.3 ล้านบาท และพิเศษสุดในช่วงเปิดตัว ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%หรือดอกเบี้ย 1.99% ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่งMazda Premium Insurance 1 ปี หรือฟรี Mazda Care 3 ปี หรือโปรแกรมบำรุงรักษา ฟรีค่าแรง ค่าอะไหล่ และผลิตภัณฑ์ของเหลวที่ต้องเปลี่ยนถ่ายตามระยะทาง

นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ” ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า หลังจากที่มาสด้าเริ่มบุกตลาดรถอเนกประสงค์เอสยูวี ด้วยการส่ง 4 โมเดลหลัก หรือเรียกว่า CX-Series ประกอบด้วย CX-3, CX-5, CX-8 และ CX-30 ส่งผลให้รถยนต์ประเภทนี้ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมีผู้เล่นรายใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดมากขึ้นทำให้ตลาดเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยตลาดรถอเนกประสงค์เอสยูวีตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกันยายน 2564 มียอดขายรวมสะสมประมาณ 57,000 คัน ส่วนมาสด้ามียอดขายสะสมรวมทั้งสิ้นประมาณ 9,700 คัน เพิ่มสูงขึ้นถึง 27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา จำนวน 7,653 คัน ครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ 17% ซึ่งการปรับโฉมและการกำหนดกลยุทธ์ด้านราคาจำหน่ายใหม่ที่เกิดความคุ้มค่าคุ้มราคามากขึ้น จะส่งผลทำให้มาสด้ากลับมาครองส่วนแบ่งการตลาดได้มากขึ้น ปัจจุบันอันดับหนึ่งในเซ็กเมนต์รถอเนกประสงค์ครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 23% รองลงมาอยู่ที่ 20% ในขณะที่มาสด้าขยับขึ้นมารั้งอันดับสาม และเป้าหมายสำคัญคือเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดให้ได้มากที่สุด

การเปิดตัวแนะนำมาสด้า CX-5 ใหม่ ในครั้งนี้ ได้รับการพัฒนาปรับปรุงเพิ่มเติมเพื่อให้มีความโดดเด่นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่ใส่มาให้อย่างครบครันตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น ทำให้เกิดความคุ้มค่ามากยิ่งกว่าเดิม แต่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของการออกแบบทั้งภายนอกและภายใน ตามแนวคิด โคโดะ ดีไซน์ เรียบง่ายแต่งดงาม ระบบความปลอดภัยครบครัน ระบบเชื่อมต่อการสื่อสารแบบไร้ขีดจำกัด เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานในสังคมยุคปัจจุบัน และยังนำเสนอทางเลือกให้กับลูกค้าด้วย 3 เครื่องยนต์อันทรงพลัง ให้เหมาะสมกับการใช้งานในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ผู้ชื่นชอบสมรรถนะความแรงกับเครื่องยนต์ 2.5 เทอร์โบ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบทั้งแรงและประหยัดน้ำมันกับเครื่องยนต์คลีนดีเซล 2.2 ลิตร หรือผู้ที่ต้องการใช้งานภายในเมืองที่กำลังมองหารถที่คุ้มค่าคุ้มราคากับเครื่องยนต์ 2.0 นี่คือเอกลักษณ์ของมาสด้าที่เป็นผู้ผลิตรถยนต์หนี่งเดียวที่มีหลากหลายเครื่องยนต์ให้เลือกมากที่สุดในตลาด

“ในขณะที่ยอดการจำหน่ายรถยนต์มาสด้านับตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงเดือนกันยายน 2564 มีจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 25,800 คัน ลดลงเล็กน้อยเพียง 1% จากตัวเลข 26,000 คัน ซึ่งสถานการณ์ในปีนี้ถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่งที่ต้องประคับประคองธุรกิจให้เดินหน้าก้าวผ่านวิกฤตโควิด-19 ไปให้ได้ โดยเฉพาะการทำงานระบบหลังบ้านให้พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบดิจิทัล ซึ่งผลลัพธ์ถือว่าเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง หลังจากนี้ไปมาสด้าจะเดินหน้าอย่างเต็มรูปแบบโดยเฉพาะแผนการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่เข้าสู่ตลาดให้ครบทุกเซ็กเมนต์ ซึ่งผมมั่นใจอย่างยิ่งว่าการปรับกลยุทธ์สำหรับการแนะนำมาสด้า CX-5 ใหม่ ในครั้งนี้ จะเข้ามาเติมเต็มความต้องการของลูกค้าให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น กลายเป็นโมเดลหลักสำคัญที่จะสร้างยอดขายให้กับมาสด้าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ผลักดันให้มาสด้าก้าวสู่เป้าจำหน่ายของปีงบประมาณ 2564 ได้อย่างแน่นอน” นายชาญชัย กล่าวเพิ่มเติม

สถิติยอดจำหน่ายรถอเนกประสงค์เอสยูวีมาสด้า เดือนมกราคม – กันยายน 2564 เปรียบเทียบกับปี 2563

ข้อมูลยอดขายสะสมมกราคม – กันยายน 2564มกราคม – กันยายน 2563%เปลี่ยนแปลง
มาสด้า CX-305,3643,693เพิ่มขึ้น 45%
มาสด้า CX-33,1421,458เพิ่มขึ้น 116%
มาสด้า CX-55441,287ลดลง 58%
มาสด้า CX-86441,215ลดลง 47%
ยอดรวมสะสม9,6947,653เพิ่มขึ้น 27%

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ” รองประธานบริหารอาวุโส กล่าวถึงแนวทางการสื่อสารการตลาดว่า NEW MAZDA CX-5 มาพร้อมกับแนวคิดใหม่ “พลังความสุข ที่เร้าใจทุกเส้นทาง” เป็นหนึ่งในตระกูลเอสยูวีจากมาสด้า เพื่อเข้ามาเติมเต็มการใช้ชีวิตให้ก้าวไปสู่ความเป็นที่สุด ใช้ชีวิตให้มีความสุขในทุกๆ วันกับครอบครัว Enjoy Driving  โดยเป็นยนตรกรรมที่ได้รับการพัฒนาให้ลูกค้าได้สัมผัสถึงประสบการณ์การขับขี่ที่ล้ำหน้า กำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน ใส่เทคโนโลยีและออฟชั่นเพิ่มมากขึ้นแต่ปรับราคาขายเพื่อให้เป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น เริ่มต้น 1.3 ล้านบาทเท่านั้น ปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลทำให้ CX-5 ประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้นและได้รับการตอบรับจากลูกค้าชาวไทย คือ เป็นรถอเนกประสงค์ที่มีเทคโนโลยีขั้นสูง การออกแบบที่สง่างาม เป็นรถที่แรงและประหยัดน้ำมัน ระบบความปลอดภัยระดับโลก และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครัน ใช้งานง่ายและมีความจำเป็นสำหรับผู้ขับขี่เพื่อใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน

มาสด้า CX-5 รถอเนกประสงค์เอสยูวีที่เป็นต้นกำเนิดของเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ และการออกแบบภายใต้แนวคิด โคโดะ ดีไซน์ ที่ได้รับความนิยมจากลูกค้านับตั้งแต่ปรากฏโฉมเป็นครั้งแรก จนถึงปัจจุบันมียอดขายสะสมกว่า 8 ล้านคันทั่วโลก สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของเทคโนโลยีสกายแอคทีฟและความนิยมต่อรถประเภทนี้ โดยมาสด้า CX-5 เจเนอเรชั่นแรก ได้เปิดตัวแนะนำในประเทศไทยเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2556 มียอดขายสะสมสูงถึง 17,000 คัน ตามมาด้วยเจเนอเรชั่นที่ 2 เปิดตัวเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2560 มียอดจำหน่ายถึงปัจจุบันกว่า 15,000 คัน และครั้งนี้คือการกลับมาครั้งสำคัญของ CX-5 เพื่อกลับมาทวงคืนบัลลังก์ผู้นำตลาดรถอเนกประสงค์เอสยูวี และสร้างปรากฏการณ์ของการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี และความสง่างามของการออกแบบตามแนวคิด โคโดะ ดีไซน์ ที่ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นในระดับโลก

“กลยุทธ์ด้านราคาถือเป็นปัจจัยหลักสำคัญที่จะส่งผลทำให้ CX-5 ใหม่ ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ด้วยการวางราคาจำหน่ายเริ่มต้นเพียง 1,320,000 บาท ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบคุณสมบัติ ออฟชั่น ผนวกกับเทคโนโลยีที่ใส่เข้ามาจะส่งผลทำให้เกิดความคุ้มค่า คุ้มราคา มากที่สุดในตลาด และเมื่อรวมกับโปรโมชั่น อัตราดอกเบี้ย ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง และการบำรุงรักษาตลอดระยะเวลาที่ครอบครองแล้วยิ่งทำให้ CX-5 ใหม่ควรค่าแก่การครอบครองมากที่สุด” นายธีร์ กล่าวเพิ่มเติม

แนวคิดในการพัฒนามาสด้า CX-5 ใหม่ ยังคงคำนึงถึงการใช้งานและอรรถประโยชน์การใช้สอยเป็นหลัก ด้วยการออกแบบฟังก์ชั่นและการจัดวางอุปกรณ์ต่างๆ ภายในตัวรถให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมตามหลักปรัชญามนุษย์เป็นศูนย์กลาง HMI (Human-Machine Interface) เพื่อให้สัมผัสได้ถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างคนกับรถ รวมถึงการเชื่อมต่อการสื่อสารแบบไร้ขีดจำกัดผ่านระบบ Mazda Connect ที่มาพร้อม Apple CarPlay® และระบบ Android Auto™ ด้วยหน้าจอสี Center Display แบบทัชสกรีน ขนาด 8 นิ้ว ควบคุมด้วย Center Commander ปุ่มควบคุมอัจฉริยะที่หรูหราและจัดวางในตำแหน่งที่ใช้งานสะดวกมากยิ่งขึ้น หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้า (Windshield Active Driving Display) ช่วยให้ผู้ขับไม่ต้องละสายตาจากถนนเพิ่มความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

TC_BR_NMazdaCX-5_2021_P.6-P.7_N3

การตกแต่งภายในของยังความหรูหรามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว พิถีพิถันในทุกรายละเอียดเสมือนงานทำมือ และให้ผิวสัมผัสอย่างประณีต โดยการคัดสรรเลือกใช้วัสดุเกรดพรีเมี่ยมในทุกจุดสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นเบาะหนังสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีน้ำตาล และใช้วัสดุตกแต่งภายในแบบ Real Wood และสีเงินซาตินโครม หรือเบาะหนัง Nappa* สีแดง Deep Red ตกแต่งด้วยด้ายสีน้ำตาลเข้ม ในรุ่น 2.5 Turbo SP ที่เพิ่มความหรูหราและสะท้อนไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างของผู้ขับขี่ได้อย่างดีเยี่ยม

มาสด้า CX-5 ใหม่ มาพร้อมกับระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง GVC Plus ในทุกรุ่นย่อย ซึ่งเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีภายใต้ SKYACTIV-Vehicle Dynamics ที่ผสานและควบคุมการทำงานของรถทั้งคันให้ทำงานประสานกันอย่างมีประสิทธิภาพ โดยได้พัฒนาต่อยอดจากระบบ GVC เพื่อให้สามารถควบคุมสมรรถนะในการขับขี่ได้อย่างแม่นยำและสมดุลมากยิ่งขึ้น ทั้งในขณะเข้าโค้ง ขณะอยู่ในโค้ง หรือขณะออกจากโค้ง หรือแม้กระทั่งในสถานการณ์ฉุกเฉินก็ตาม ช่วยให้ผู้ขับขี่และรถเป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ และมอบความสะดวกสบายให้ผู้โดยสารไปตลอดการเดินทาง

มาสด้าคือหนึ่งเดียวในตลาดที่มีเครื่องยนต์ให้ลูกค้าได้เลือกตามความต้องการและการใช้งานถึง 3 เครื่องยนต์ เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร เครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล ขนาด 2.2 ลิตร และเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน ขนาด 2.5 เทอร์โบ โดยมีให้ลูกค้าเลือกทั้งหมด 4 รุ่นย่อย ประกอบด้วย

  • รุ่น 2.0 S ราคาจำหน่ายเพียง 1,320,000 บาท ส่งมอบความคุ้มค่าคุ้มราคามากที่สุดในคลาส ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G 2.0 มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด SKYACTIV-Drive ที่ได้รับการพัฒนาให้สามารถตอบสนองต่ออัตราเร่งได้อย่างดีเยี่ยม ให้พละกำลังสูงสุด 165 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 210 นิวตัน-เมตร พร้อมระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบอิเล็กทรอนิกไดเร็คอินเจ็คชั่น รองรับน้ำมันเชื้อเพลิง E85 ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงสูงถึง 13.9 กิโลเมตร/ลิตร และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

เพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกสบายและความปลอดภัยครบครัน อาทิ ระบบเบรกมือไฟฟ้าระบบ Auto Hold ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED เปิด-ปิด และปรับระดับสูง-ต่ำ แบบอัตโนมัติ ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน Daytime Running Light และไฟท้ายแบบ LED Signature เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า พร้อมระบบปรับเบาะดันหลังไฟฟ้า มาตรวัดความเร็วแบบอนาล็อค พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแบบ Dual Zone พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ช่อง USB สำหรับชาร์จไฟด้านหน้า 2 ช่อง และด้านหลังอีก 2 ช่อง หน้าจอสี Center Display แบบทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว ประตูท้ายเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า ระบบควบคุมความเร็วคงที่ (Cruise Control) ระบบปรับองศาไฟหน้าตามการเลี้ยวของรถ AFS และถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง พร้อมล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว

รุ่น 2.0 SP ราคาจำหน่ายที่ 1,470,000 บาท เสริมสร้างภาพลักษณ์ให้โดดเด่นยิ่งขึ้น ด้วยล้ออัลลอย ขนาด 19 นิ้ว, หลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า มาตรวัดความเร็วแบบดิจิตอล พร้อมจอแสดงผลแบบสีขนาด 7 นิ้ว ระบบบันทึกตำแหน่งสำหรับเบาะนั่งคนขับ เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า มอบสุนทรียภาพตลอดการเดินทางด้วยระบบเสียง Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 10 ตำแหน่ง ระบบแสดงภาพ 360 ̊ รอบทิศทาง และเทคโนโลยีความปลอดภัยสุดล้ำ i-Activsense ครบครัน  อาทิ ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ MRCC ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ SBS (เพิ่มเติมจากรุ่น 2.0 S)

รุ่น XDL ราคาจำหน่าย 1,770,000 บาท เครื่องยนต์คลีนดีเซล SKYACTIV-D 2.2 มาพร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน 2 ขั้น ที่สามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำยิ่งกว่าเดิมในทุกรอบความเร็ว ทั้งแรงและประหยัด ให้กำลังถึง 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ i-ACTIV AWD รวมถึงระบบวาล์วไอเสียแปรผันอัจฉริยะ VVT สามารถประหยัดน้ำมันได้ถึง 16.1 กิโลเมตร/ลิตร  และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

รุ่น 2.5T SP ราคาจำหน่าย 1,830,000 บาท เครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G 2.5 เทอร์โบ ให้พละกำลังสูงถึง 231 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร พร้อมระบบเทอร์โบ แบบ Dynamic Pressure ระบบวาล์วแปรผันคู่อัจฉริยะ Dual S-VT ให้การตอบสนองที่รวดเร็วและแม่นยำ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ i-ACTIV AWD เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด Skyactiv-Drive ที่มอบความสนุกในการขับขี่ได้อย่างแท้จริง

มาพร้อมล้ออัลลอยดีไซน์พิเศษขนาด 19 นิ้ว เบาะหนัง Nappa* สีแดง Deep Red ตกแต่งด้วยด้ายสีน้ำตาลเข้ม วัสดุตกแต่งภายในห้องโดยสารแบบ Real Wood และสีเงินซาตินโครม เพิ่มความหรูหราด้วยวัสดุตกแต่งแผงควบคุมกระจกไฟฟ้าแบบสีดำเปียโน และสีเงินซาตินโครม รวมถึงวัสดุตกแต่งสวิตซ์ปรับเบาะ และที่เปิดกล่องเก็บของด้านหน้าแบบสีเงินซาตินโครม เพดานหลังคาสีดำ ระบบระบายอากาศสำหรับเบาะคู่หน้า Seat Ventilation ที่ช่วยระบายอากาศได้อย่างดีเยี่ยม กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติแบบไร้กรอบ ไฟอ่านแผนที่ ไฟห้องโดยสารและห้องเก็บสัมภาระแบบ LED ไฟสร้างบรรยากาศบริเวณคอนโซลกลางแบบ Down Light ไฟส่องสว่างบริเวณที่วางเท้าหน้า-หลัง ไฟส่องสว่างในกล่องเก็บของด้านหน้า (เพิ่มเติมจากรุ่น XDL)

เทคโนโลยีความปลอดภัยสุดล้ำ i-Activsense ที่มาพร้อมกับ NEW MAZDA CX-5

  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LAS (Lane-Keep Assist System)
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อผู้ขับเหนื่อยล้าขณะขับขี่ DAA (Driver Attention Alert)
  • ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS (Lane Departure Warning System)
  • ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ MRCC (Mazda Radar Cruise Control)
  • ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
  • ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring)
  • ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ SBS (Smart Brake Support)
  • ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ แบบ Advance หรือ Advance SCBS (Advanced Smart City Brake Support)
  • ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง SCBS-R (Smart City Brake Support-Reverse)
  • ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ALH (Adaptive LED Headlamps)

นอกจากนี้ ทุกรุ่นยังมาพร้อมกับ ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวันและไฟท้ายแบบ LED Signature ระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง GVC Plus กุญแจนิรภัย สัญญาณกันขโมย และระบบล็อกและปลดล็อกประตูอัตโนมัติ กล้องมองหลัง ระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า 4 จุด และด้านหลัง 4 จุด ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย รวม 6 ตำแหน่ง เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสารยิ่งขึ้น

ราคาจำหน่าย

  • รุ่น 2.0 S                  ราคา         1,320,000 บาท
  • รุ่น 2.0 SP                ราคา         1,470,000 บาท
  • รุ่น 2.2 XDL              ราคา         1,770,000 บาท
  • รุ่น 2.5 Turbo SP        ราคา         1,830,000 บาท

สีภายนอกมีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ประกอบด้วย

  • สีเทา แมชชีน เกรย์ (Machine Gray)
  • สีแดง โซล เรด คริสตัล (Soul Red Crystal)
  • สีน้ำเงิน ดีพ คริสตัล บลู (Deep Crystal Blue)
  • สีดำ เจ็ท แบล็ก (Jet Black)
  • สีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล (Snow Flake White Pearl)
  • สีเงิน โซนิค ซิลเวอร์ (Sonic Silver)

ลูกค้าที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลและทดลองขับได้ที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ หรือศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์มาสด้า www.mazda.co.th

หมายเหตุ:

  • 1ดอกเบี้ย 0% เงินดาวน์ 55% ผ่อนนาน 24 เดือน ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี
  • 2ดอกเบี้ย 1.99% เงินดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี และ Mazda Care 3 ปี หรือโปรแกรมบำรุงรักษา ฟรีค่าแรง ค่าอะไหล่ และผลิตภัณฑ์ของเหลวที่ต้องเปลี่ยนถ่ายตามระยะทาง
  • 3บริษัทประกันภัยที่ร่วมรายการ ประกอบด้วย วิริยะ ประกันภัย, ธนชาต, ไทยวิวัฒน์, และทิพยประกันภัย เท่านั้น
  • 4 โปรแกรมบำรุงรักษาตามระยะทาง หรือ Mazda Care 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

ข่าวที่น่าสนใจอื่นๆเกี่ยวกับ มาสด้า คลิกที่นี่

Youtube
Home
Please follow and like us:

Related Articles

Verified by MonsterInsights